วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555
ประวัติบาสเก็ตบอล
ประวัติบาสเกตบอลโดยย่อ
กีฬาบาสเกตบอลเป็นกีฬาประเภททีมมีผู้เล่นฝ่ายละ 5 คน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำลูกไปโยนลงห่วงประตูของฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุดโดยมีทักษะการเล่น ได้แก่ การส่ง – รับลูก การเลี้ยงลูกและการยิงประตู
กีฬาบาสเกตบอลมีกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย ดร. เจมส์ เอ เนสมิท (James A. Naismith)ได้คิดขึ้นเพื่อเล่นในโรงพลศึกษาของโรงเรียนฝึกอบรมของสมาคมวายเอ็มซีเอนานาชาติ (International Young Men’s ChristianAssociation Training School) ที่เมือง สปริงฟีลด์ มลรัฐแมสซาซูเซตส์ ในช่วงที่มีหิมะตกเมื่อ ค.ศ. 1891 (พ.ศ. 2434) โดยใช้ตะกร้าลูกพีช 2 ใบแขวนเป็นประตู เป็นที่มาของชื่อว่า“บาสเกตบอล” (Basketball) การเล่นครั้งนั้นใช้ลูกฟุตบอลเป็นลูกบอล มีผู้เล่นทั้งหมด 18 คน แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายละ 9 คนมีกฎการเล่น 4 ข้อ คือ
1.ห้ามถือลูกเคลื่อนที่
2.ห้ามผู้เล่นปะทะตัวกัน
3.ประตูอยู่ระดับศีรษะและขนานพื้น
4.ผู้เล่นจะถือลูกบอลนานเท่าใดก็ได้ และผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะต้องไม่ถูกตัวผู้เล่น
ต่อมามีการปรับปรุงการเล่นเป็น 13 ข้อ โดยลดผู้เล่นเหลือฝ่ายละ5 คน เนื่องจากในการเล่นเกิดการ ปะทะกันเพราะสนามแคบดังนั้นจึงทำให้เกมการเล่นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งยังลดการปะทะกันอีกด้วยในปัจจุบันกติกาการเล่นดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ ณ โรงพลศึกษาเมืองสปริงฟีลด์ คือ
1.การโยนลูกจะใช้มือเดียวหรือสองมือโดยไปในทิศทางใดก็ได้
2.การตีลูกจะใช้มือเดียวหรือสองมือตีไปทิศทางใดก็ได้
3.ผู้เล่นจะพาลูกบอลวิ่งไม่ได้ และต้องส่งตรงจุดรับลูกบอลยกเว้นขณะที่วิ่งมารับลูกด้วยความเร็วให้เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย
4.ต้องจับลูกบอลด้วยมือทั้งสองข้าง โดยไม่ให้ใช้ส่วนอื่นของร่างกาย
5. การเล่นจะชน คือผลักหรือทำให้ฝ่ายตรงข้ามล้ม ถือว่าฟาวล์หนึ่งครั้งถ้าฟาวล์ครั้งที่สองให้ออกจากการแข่งขัน จนกว่า จะมีผู้เล่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยิงประตูได้จึงจะกลับมาเล่นได้อีกถ้าเกิดการบาดเจ็บขณะเล่นไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัว
6.การทุบด้วยกำปั้นถือว่าผิดกติกาให้ปรับเช่นเดียวกับ ข้อ 5
7. ทีมใดทำฟาวล์ติดต่อกัน 3 ครั้ง ถือให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ประตู
8.การได้ประตูทำได้โดยการโยนหรือปัดลูกบอลให้ขึ้นไปอยู่บนตะกร้า
9.เมื่อลูกบอลออกนอกสนาม ผู้เล่นนที่จับลูกบอลคนแรกเป็นผู้ทุ่มลูกเข้ามาเล่นต่อ กรณีที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครก่อนหลังผู้ตัดสินจะส่งลูกบอลเข้ามาให้ผู้ส่งจะต้องส่งลูกบอลเข้าสนามภายใน 5 วินาทีถ้าช้ากว่านี้จะให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามส่งแทนถ้าผู้เล่นถ่วงเวลาการเล่นให้ปรับฟาวล์
10.ผู้ตัดสินมีหน้าที่ตัดสินผู้ฟาวล์และลงโทษผู้เล่น
11.ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินลูกบอลออกนอกสนามและรักษาเวลา บันทึกจำนวนลูกที่ได้ และทำหน้าที่ทั่วไปของผู้ตัดสิน
12.การเล่นแบ่งเป็น2 ครึ่ง ครึ่งละ 15 นาที
13.ฝ่ายที่ทำประตูได้มากกว่าเป็นฝ่ายชนะถ้าคะแนนเท่ากันหัวหน้าทีมจะตกลงกันเพื่อต่อเวลาแข่งขัน ฝ่ายใดทำประตูได้ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ
กติกานี้ใช้มาจนถึงค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480)จึงได้ปรับปรุงแก้ไขครั้งใหญ่เพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 11ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศสเยอรมันและใน ค.ศ. 1939 (พ.ศ. 2482) ดร.เจมส์ เอ. เนสมิทก็เสียชีวิตลง ก่อน จะได้เห็นความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ในกีฬาบาสเกตบอลที่เขาคิดค้นขึ้นต่อมาจากนั้นกีฬาบาสเกตบอลก็แพร่หลายพัฒนาการเล่นเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกีฬาบาสเกตบอลในระดับนานาชาติ ได้แก่สหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติ (ชื่อภาษาอังกฤษ International Amateur Basketball Federation ชื่อภาษาฝรั่งเศส Fe’de’rationInternational de Basketball Amateur ใช้ชื่อย่อว่า FIBA) นอกจากนี้ยังมีองค์กรในระดับทวีป เช่นสมาพันธ์บาสเกตบอลเอเชีย (Asian Basketball Confederation หรือ ABC) เป็นต้น
เขียนโดย Basket Man ที่ 22:11
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น